เกี่ยวกับเรา
ปัญญาวิมุตติ: เผยแพร่ธรรมะเพื่อการตื่นรู้
ปัญญา (Paññā) = ความรู้แจ้ง ความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง
วิมุตติ (Vimutti) = ความหลุดพ้น เป็นอิสระจากพันธนาการทุกชนิด
ปัญญาวิมุตติ จึงหมายถึง ความหลุดพ้นด้วยปัญญา เป็นการหลุดพ้น ด้วยการรู้เห็นตามความเป็นจริง
การหลุดพ้นด้วยการเห็นแจ้งว่า ไม่มีเรา ในทุกสรรพสิ่ง เมื่อรู้ตามจริง จิตจึงเป็นอิสระโดยสมบูรณ์ ด้วยอนัตตาธรรม
คณะศิษย์ทีมปัญญาวิมุตติ คือ ผู้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่คำสอนของพระอาจารย์ธีร ไร้นาม สู่สาธารณชนในวงกว้าง ทีมงานทุกท่านเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับแก่นธรรมที่บริสุทธิ์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้ธรรมะ ของพระอาจารย์เข้าถึงทุกคนได้โดยรวดเร็ว และง่ายดาย

เกี่ยวกับพระอาจารย์
พระผู้ไร้นาม ผู้ชี้ทางสู่แก่นแท้แห่งจิต
ในโลกที่เต็มไปด้วยการยึดมั่นถือมั่น พระอาจารย์ธีร ได้ถ่ายทอดแก่นธรรมที่ชี้ตรงสู่การตื่นรู้ใน “ธรรมชาติอันไร้รูปและนาม” จิตที่ปราศจากตัวตน
พระอาจารย์ธีร ได้รับการยอมรับในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านปริยัติธรรม ปัจจุบันท่านมุ่งเน้นการเผยแพร่แก่นธรรมและใช้ชีวิตห่างไกลจากสาธารณชน ท่านมักกล่าวเสมอว่า
“ไม่ต้องมากราบ ไม่ต้องมาตามหา แต่เมื่อใดที่ผู้ฟังทุกท่านได้ประจักษ์แจ้งในธรรมแล้ว จงกราบหัวใจตัวเอง” นั่นเสมือนกับว่าทุกคนได้กราบท่านแล้ว
เส้นทางพ้นทุกข์ ที่อยู่เหนือรูปแบบปฏิบัติ
พระอาจารย์ธีร จะไม่เน้นการปฏิบัติในรูปแบบ แต่กลับชี้ตรงไปยังธรรมชาติของจิตใจ ผ่านการ “ฟัง” และการเฝ้าสังเกตใน “ปัจจุบันขณะ” ท่านสอนให้ผู้ฟังทำความเข้าใจโดยตรงว่า ความคิด อารมณ์ และเสียงภายในใจ ล้วนเกิดขึ้นเองและดับไปเองตามธรรมชาติ และสิ่งเหล่านั้น “ไม่ใช่ตัวตนของเรา” นี่คือแก่นคำสอนเรื่อง อนัตตา ที่ท่านมุ่งเน้น
ปณิธานแห่งความเรียบง่าย พร้อมเสียงธรรมนำทาง
พระอาจารย์ธีร มีเจตนาอันแน่วแน่ที่จะถ่ายทอดแก่นธรรมนี้ ส่งถึงผู้ฟังในทั่วทุกมุมโลก และท่านเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนส่วนตัว เพื่อให้ “ธรรมะเท่านั้นที่เป็นผู้กล่าว” มิใช่ตัวบุคคล
ปัจจุบัน มีเสียงบรรยายธรรมของพระอาจารย์ธีร ในภาษาไทยมากกว่า 600 ไฟล์ ในภาษาอีสาน 75 ไฟล์ และที่แปลเป็นภาษาอังกฤษประมาณ 140 ไฟล์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลงานการรวบรวมโดยคณะศิษย์ทีมปัญญาวิมุตติ คำสอนของท่านสามารถเข้าถึงได้ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ได้แก่ ยูทูป (YouTube), เฟสบุ๊ค (Facebook), ติ๊กตอก (TikTok), อินสตราแกรม (Instagram) และในรูปแบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (eBooks)
แก่นคำสอนเพื่อการตื่นรู้
แก่นคำสอน ของพระอาจารย์ธีร ไร้นาม คือการเติมปัญญาให้กับจิต
เพื่อให้จิตเข้าใจ เห็นได้ตามความเป็นจริง นำไปสู่การสลายคลายคืนจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง
การเติมปัญญา
เติมปัญญาให้กับจิต เพื่อให้จิตเข้าใจและเห็นได้ตามความเป็นจริง
การสลายความยึดมั่น
สลายคลายคืนจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง เพื่อความเป็นอิสระ
การคืนสู่ธรรมชาติ
เน้นการคืนสู่บ้านที่แท้จริงคือธรรมชาติและความบริสุทธิ์ของจิต
การตื่นรู้
พ้นทุกข์ได้เพราะรู้ การตื่นรู้ คือหนทางสู่ความหลุดพ้น อย่างแท้จริง
คำถามที่พบบ่อย
รวบรวมคำถามที่ผู้คนมักจะสงสัยเกี่ยวกับแนวทางคำสอน เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

“จิต” คืออะไร?
จิตคือธาตุชีวิตที่ไม่มีรูปร่าง ใสบริสุทธิ์ เป็นต้นธาตุกำเนิดทุกสิ่ง เสียง, ความคิด, อารมณ์ทั้งหมดเกิดจากจิต แต่คนส่วนใหญ่หลงคิดว่าจิตคือสิ่งที่ปรุงแต่งเหล่านั้น แท้จริงจิตคือธรรมชาติที่ไม่เกิดไม่ตาย
จิตสำคัญอย่างไร?
จิตสำคัญเพราะถ้าไม่มีจิต ก็จะไม่มีชีวิต ปรียบได้กับท่อนไม้หรือซากศพที่ไม่มีชีวิต การเข้าใจและรู้แจ้งจิต ทำให้เราตระหนักรู้ว่า จิตคือธาตุชีวิตที่ว่างเปล่า บริสุทธิ์ เมื่อจิตรู้แจ้งเช่นนี้ มันจะไม่กลับมาเวียนเกิดอีกต่อไปและจะพ้นจากความทุกข์โดยสิ้นเชิง ซึ่งมนุษย์ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติและทุกศาสนา สามารถรู้แจ้งจิตนี้ได้
เราจะสอนจิตให้เข้าใจความไม่มีตัวตนได้อย่างไร?
เริ่มต้นด้วยการสังเกตเสียงที่พูดอยู่ในใจหรือ ความคิดและอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ให้ถามลงไปในใจว่าว่าสิ่งเหล่านี้มาจากไหน? คุณจะพบว่ามันเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าเสียง ความคิด ภาพ อารมณ์ ความจำและการรับรู้ต่างๆ-เป็นเพียงเครื่องมือหรืออาการปรุงแต่ง ที่จิตสร้างขึ้นมาเพื่ออาศัยเรียนรู้
คนตายแต่จิตไม่ตายหมายความว่าอย่างไร?
“คน” ในที่นี้หมายถึง ร่างกาย ซึ่งเป็นเพียงภาชนะชั่วคราวที่จิตมาอาศัยอยู่ ร่างกายนี้ไม่คงอยู่ตลอดไป แต่ จิตไม่ได้ตายไปกับร่างกาย เมื่อร่างกายหยุดทำงาน จิตจะไปหาร่างกายใหม่ (เช่น สัตว์น้ำ สัตว์บก สัตว์ปีก หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตในอวกาศ) เพื่อมาปรุงแต่งและเรียนรู้ว่าตนเองคือจิต คือธาตุชีวิตที่ว่างเปล่าบริสุทธิ์ เมื่อใดที่จิตเห็นความจริงนี้ได้อย่างแท้จริง มันก็จะยุติการเกิดและพ้ออกจากทุกข์โดยสิ้นเชิง
สภาพจิตก่อนเกิดและก่อนตายแตกต่างกันอย่างไร?
แท้จริงแล้ว จิตไม่เคยเกิดและไม่เคยตาย จิตเป็น อมตธาตุ หรือธาตุที่ไม่เคลื่อนไหว ไม่ไปไม่มา ไม่เกิดไม่แตกสลาย ไม่มีกาลเวลา ระยะทาง รูปร่างหรือขนาดใดๆ เมื่อเราพูดถึง “เกิด”ก็มักหมายถึงร่างกายที่จิตเข้ามาอาศัยชั่วคราว การที่จิตต้องเปลี่ยนร่างกายไปเรื่อยๆ เป็นเพราะมันยังไม่รู้แจ้งในความเป็นธาตุบริสุทธิ์ของตนเอง เต็มไปด้วยอวิชชาความไม่รู้ จิตจะเปลี่ยนภาชนะไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ร่างกายที่มีวิวัฒนาการเพียงพอ (เช่น มนุษย์) ที่จะสามารถทวนกระแสกลับมาเรียนรู้และเข้าใจว่าตนเองคืออะไร
เราจะพ้นจากวัฏฏะนี้ได้อย่างไร ?
ถ้ารู้ว่าตนกำลังคิดอยู่ ถามต่อว่า “ความคิด” มีตัวตนจริงไหม? “เสียง” ที่พูดในใจ มีรูปร่าง หรือไม่? ไม่มีเลย เราจับต้องความคิดไม่ได้ มันเกิดขึ้นเอง สลายไปเอง แต่เรากลับหลงเชื่อ หลงตามมันไป ถ้าเรามองเห็นชัดว่า “มีความคิดเกิดขึ้น” “มีความรู้สึกเกิดขึ้น” และรู้ว่ามันไม่ใช่เรา นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของการตื่นรู้ …
เราจะเริ่มเข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้เป็นแค่ “สิ่งที่ถูกรู้” ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ของของเรา เป็นเพียงสิ่งปรุงแต่ง เป็นวัฏฏะ เป็นทุกข์ เข้าใจไว้เถิด เสียงที่พูดในใจนี้ ไม่ใช่เรา … มันเป็นเพียงกระบวนการธรรมชาติ เกิดขึ้นเอง สลายไปเอง ไม่มีตัวตน ไม่ว่าเสียง ความคิด ภาพในใจ อารมณ์ ถ้ามันเกิด ก็ปล่อยให้มันเกิด แล้วให้มันผ่านไป นี่แหละศิลปะแห่งการปล่อยวาง
ด้วยความรู้ สิ่งใดที่เกิดขึ้น … ก็ดับไป ทุกอย่างที่เคยเชื่อว่า “เป็นของจริง” มันอยู่ที่ไหนตอนนี้?
“ตัวเรา” อยู่ที่ไหน? ไม่มีอะไรเหลือเลย มีเพียงเหตุปัจจัยที่ผุดขึ้น แล้วสลายไป เมื่อเราไม่ยึดความคิด ภาพในใจ อารมณ์ ก็จะไม่มีการเกิดใหม่อีก แต่ตราบใดที่ยังเชื่อว่า สิ่งเหล่านั้นคือความจริง จิตก็ยังถูกหลอกหลอนวนเวียนในโลกที่มันสร้างขึ้นเอง แม้ขณะหลับ จิตก็ยังฝันถึงเรื่องเดิมๆ ขณะตื่นก็ยังคิดเรื่องเดิม รู้สึกเหมือนเดิม นี่แหละคือความติดของจิต ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ แต่เพราะ “เชื่อ” นี่แหละคือ “การเกิดใหม่” ในสิ่งลวงที่เรายังไม่ยอมปล่อย
“จิต” กับ “วิญญาณ” แตกต่างหรือเหมือนกัน?
จิต คือธาตุบริสุทธิ์ที่แท้จริง ส่วน วิญญาณ หรือ จิตวิญญาณ คือจิตที่ได้สร้าง อาการปรุงแต่ง ขึ้นมาห่อหุ้มตัวเอง เช่น อาการรับรู้ ความคิด มโนภาพ หรืออารมณ์ต่างๆ จิตวิญญาณนี้เป็นจิตที่ยังต้องการเรียนรู้ จึงต้องเคลื่อนที่ไปเกาะและยึดถือภาชนะ (ร่างกายในรูปแบบต่าง ๆ) เพื่ออาศัยเรียนรู้ หากร่างกายนั้นไม่สามารถนำไปสู่การเรียนรู้ที่สมบูรณ์ จิตวิญญาณก็จะเคลื่อนย้ายไปหาร่างกายใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้แจ้ง
เพราะเหตุใดการเห็นตามความเป็นจริงจึงนำไปสู่การพ้นทุกข์
เพราะความทุกข์เกิดจากการยึดมั่นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เมื่อจิตเห็นความจริงว่าทุกสิ่งเป็นเพียงสภาวะที่เกิดขึ้นและดับไป ความยึดมั่นนั้นก็จะสลายไป จิตจะเรียนรู้และมีปัญญา ทำให้จิตเป็นอิสระและพ้นจากทุกข์
ทำอย่างไรจึงหยุดการเวียนว่ายตายเกิด
คุณต้อง รู้แจ้งจิต ของตนเอง โดย:
1) สังเกตภายใน: เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เกิดและดับตามธรรมชาติ
2) ฟังแก่นคำสอนให้จิตตื่นรู้: เรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของจิตอย่างต่อเนื่อง
3) ตื่นรู้อยู่ภายใน: หมั่นสังเกตุความคิดและอารมณ์ว่าเกิดขึ้นเอง ตามเหตุปัจจัย ไม่มีตัวมีตน
4) ตั้งสัจจะ: มีเป้าหมายแน่วแน่ว่าจะไม่กลับมาเกิดอีก นี่คือชาติสุดท้ายของคุณ
จิตหลังความตายเป็นอย่างไร?
เมื่อร่างกายดับไป จิตวิญญาณ จะยังล่องลอย จิตที่แท้จริงนั้นบริสุทธิ์ แต่ถูกห่อหุ้มด้วย จิตตสังขาร (ความคิด, อารมณ์) ที่จิตสร้างขึ้นเอง จิตจะเวียนว่ายไปหาร่างกายใหม่เพราะยังไม่รู้ว่าตนเองเป็น ธาตุบริสุทธิ์
ใครบ้างที่สามารถเข้าถึงความจริงนี้ได้
ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนพิการ เพศใด เชื้อชาติใด หรือนับถือศาสนาใด ก็สามารถ รู้แจ้งจิต และเข้าถึงธาตุบริสุทธิ์ของตนเองได้ เพียงแค่มาหลงอาศัยและยึดติดกับสิ่งปรุงแต่งเท่านั้น
พบกันทุกวัน
ฟังไลฟ์สด แก่นคำสอนเพื่อการตื่นรู้ ได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด
เติมใจให้ตื่นรู้
มาพูดคุย และเปลี่ยนสภาวะธรรมกันได้ทุกวัน ที่ห้องไลน์ภูมิภาค ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ไลน์ไอดี @panya9 แล้วพบกันค่ะ
เพิ่มเพื่อนในไลน์ร่วมฟังไลฟ์สด
18.00น – 20.00น. ขอเชิญมารับฟังธรรมไลฟ์สดกันได้ทุกวัน โดย
พอจ. ธีร ไร้นาม และคณะศิษยานุศิษย์ พร้อมทั้งฟังเพลงธรรมะเพื่อการตื่นรู้ ได้ที่นี่ที่เดียว
ติ๊กตอก @panyawimutti
ติดต่อและสนับสนุน
เพราะทุกวันคือโอกาสในการเติมปัญญาให้กับจิต และการตื่นรู้ เพื่อพ้นจากทุกข์
สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจฟังธรรมะ ต้องการพูดคุย หรือต้องการร่วมสนับสนุนการเผยแพร่ธรรมะ และ/หรือ ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ สามารถขอรับวิทยุ ฟรี! ตามเงื่อนไขที่กำหนด
ติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
(ช่องทางเหล่านี้จัดตั้งขึ้นเพื่อการสื่อสารและประสานงานเท่านั้น)
ช่องทางติดตาม
พระอาจารย์มาแล้ว ฟังแก่นธรรมคำสอน ได้ทุกช่องทาง ฟรี! ฟรี! และ ฟรี!
โซเชียลมีเดีย
ช่องยูทูป